ทนายความ สีลม บางรัก กรุงเทพ ปากช่อง สุรินทร์ lawyer attorney barrister silom bangrak bangkok pakchong surin
WWW.NINTERLAW.COM
LAWYER
การหย่าด้วยความยินยอมมีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1514 บัญญัติว่า
การหย่านั้นจะทำได้แต่โดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายหรือโดยคำพิพากษาของศาล
การหย่าโดยความยินยอมต้องทำเป็นหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อยสองคน
ครับไปจัดการทำหนังสือหย่ากันแต่ละคนเซ็นไว้ทำที่ไหนก็ได้และมีพยานสองคนลงลายมือชื่อด้วยก็ใช้ได้ แต่จะสมบูรณ์เมื่อนำไปจดทะเบียนหย่ายังที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต ถ้าบันทึกแล้วอีกฝ่ายหนึ่งไม่ไปจดทะเบียนหย่าในภายหลังก็ฟ้องต่อศาลได้ตามกฎหมาย
การหย่าอีกอย่าคือมีเหตุที่จะฟ้องอย่า ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1516 คือ เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1) สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาหรือภริยามีชู้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
*(4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
*(4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
*(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกาย ทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
ผมจะอธิบายคร่าวๆง่าย
ดังนี้ เมื่อปรากฎเหตุการหย่าตามเหตุข้างต้นทั้ง สิบ อนุมาตรา สิบอย่าง อีกฝ่ายก็สามารถฟ้องหย่าได้
และเมื่อหย่ากันแล้วทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา ที่เป็นสินสมรสเช่นนในระหว่าที่อยู่กินด้วยกันทำมาหาได่้ร่วมกันก็ต้องแบ่งกันคนละครัึ่ง ส่วนบางอย่างที่เป็นดอกผลสินส่วนตัว หมายความว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจมีทรัพย์สินมาก่อน แต่ทรัพยืสินเขามีดอกผลก่อนให้เกิดรายได้ก็ต้องแบ่งเช่น ค่าเช่า ฯลฯ เกิดสามีรวยเป็นเจ้าของโรงแรมค่าเช่าในระหว่างอยู่กินด้วยกันมาก็ต้องแบ่งคนละครึ่งบางคนก็มีสิทธิหลายล้านหลายสิบล้าน ทำงานได้เงินมาเดือนละแสน 5 ปี ไม่ให้สักบาท ก็ต้องแบ่ง อย่างนี้เป็นต้น ในระหว่างอยู่กินสร้างทรัพย์เพิ่มขึ้น ทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นก็ต้องแบ่ง แถมมีลูกก็ต้องจ่ายค่าอุปกาละเลี้ยงดูบุตร ในกรณีที่ฟ้องหย่าเพราะมีคนอื่นมาเป็นชู้หรือมีความสำพันธืในทางชู้สาวกับคู่สมรสตนก็ฟ้องเรียกค่าทดแทนจาก ชู้หรือคนดังกล่าวได้เช่นกัน
แถมยังมีสิทธิเรียกค่าเลี้ยงชีพอีกต่างหากถ้าเป็นความผิดของอีกฝ่ายแต่ฝ่ายเดียว และอาจจะทำให้ผู้ฟ้องหย่ายากจนลง หลักๆการต่างๆเบื้องต้นก็เป็นไปตามนี้