เขียนจากเรื่องจริง : คดีพ่อถูกกล่าวหาว่าฆ่าลูกตาย

คดีนี้ เกิดเมื่อเกือบราวๆสิบห้าปีมาแล้วพ่อคนหนึ่งอายุราวๆ 70 ปี ตอนนั้นผมเรียกตาเพราะแกดูอายุเยอะพอสมควรประกอบกับผมเป็นทนายยังหนุ่มๆอยู่ในตอนนั้น555 เช้าวันหนึ่งลูกชายแกนอนตายที่บ้าน บาดแผลที่หัวเหมือนถูกของแข็งกระแทกที่หัวอย่างแรงจนเลือดคั่งในสมองนอนตายกลางบ้าน ตาคนเป็นผู้ต้องหานี้แกชอบเมาตอนเย็นๆแล้วร่างกายแกก็ไม่ค่อยแข็งแรง เมื่อพบศพตอนเช้ากลางบ้าน คนในบ้านตกใจไปแจ้งตำรวจ ตำรวจมาสอบสวนคนในบ้านทุกคน แล้วเอาตาไปสอบสวน คาดคั้น แกคนแก่มาก แกบอกว่าตำรวจบอกว่าให้ตาเซ็นชื่อรับๆว่าทำร้ายลูกชายไปไม่อะไรจะได้จบจะได้กลับบ้าน คือพฤติการณ์ที่ตำรวจสอบตำรวจอ้างเป็นเรื่องขึ้นมาว่า ในวันดังกล่าวตาขายควายได้ สองตัวได้เงินมา แปดหมื่น ตา มีสตางค์ กำลังดื่มเหล้าครึ้มอกครึ้มใจอยู่ที่แคร่ไม้หน้าบ้าน ลูกชายตาก็ดื่มมาจากที่อื่นเมากลับมาบ้านมีผู้ใหญ่บ้านเอาซ้อนมอเตอร์ไซค์มาส่ง แล้วลูกชายก็ก็ลงมอร์เตอร์ไชค์เดินเซมา ส่วนผู้ใหญ่บ้านก็กลับไป เมื่อลูกชายเดินเข้าประตูทางเข้าบ้านมา พบพ่อกำลังนั่นอยู่บนแคร่ ลูกชายขอเงินพ่อ เพราะเห็นว่าพ่อขายควายมาได้ พ่อไม่ให้ลูกชายโมโหบ่น พ่อไปหยิบก้อนหินก้อนใหญ่ มากเขว้งไปโดนข้างหลังตรงศรีษะผู้ตาย แล้วแยกย้ายกันต่อมา ต่างคนต่างเมาเข้านอน ตื่นมาลูกชายเลือดคลั่งในสมองตาย ในการสอบสวนตำรวจเอาก้อนหินข้างบ้านเป็นพยานหลักฐาน อ้างว่าก้อนนี้แหละ หินลูกเกือบเท่าหมวกกันน๊อก ผมสังเกตุด้วยตาดูยังไงก็ไม่น่าจะหยิบเขว้งได้โดยง่ายทั้งๆที่แกสารภาพกับตำรวจ แต่หลังจากแกมาพบผมแกก็บอกว่าไม่ได้ทำทั้งที่รับสารภาพกับตำรวจไปแล้วแกบอกถามทั้งวันเหนื่อย รับๆไปจะได้กลับบ้าน กลับซวยเพราะความง่าย ผมก็เลยรับจะว่าความต่อสูคดีให้ และเมื่อไปสืบสถานที่เกิดเหตุ และข้อเท็จจริงก่อนหน้านั้น กลับพบว่า ก่อนมาถึงบ้าน มีการไปเคลียเรื่องราวเพราะทะเลาะกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านก็คนอีกคนหนึ่ง และในขณะที่มีการสวดศพทุกวันจนกระทั่งวันเผาผู้ใหย่บ้านไม่เคยมางานสวดศพสักวันจนกระทั่งวันเผา ผู้ใหญ่บ้านแกรวยเป็นคนปล่อยเงินกู้รุ้จักตำรวจมากมาย



สรุปศาลไม่เชื่อว่าตาแกมีแรงขนาดยกหินก้อนใหญ่ไปเขว้งปาหัวลูกแกจนกระทั่งตายได้แม้ตาแกจะรับสารภาพก็ตาม ศาลยกฟ้องลูกสาวแกมาฟังการพิจารณาด้วยทุกครั้งปล่อยโฮ ด้วยความดีใจกับพ่อ

หวังว่าเรื่องราวทางกฎหมายจะเป็นประสบการณ์ที่ดีนะครับ อย่าไปเซ็นรับสารภาพอะไรกับตำรวจง่ายๆถ้าเราไม่ได้ทำ